วันอังคารที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560

จัดระเบียบเครื่องสำอางล้นโต๊ะด้วยชั้นเก็บเครื่องสำอาง


     สาวๆทุกคนคงไม่ปฏิเสธว่า ตัวเองไม่เคยแต่งหน้า ส่วนใหญ่คุณสาวๆที่ชอบการแต่งหน้ามักมีเครื่องสำอางเยอะมากเรียกได้ว่ามีมากอลังการงานสร้างเชียวเลยหละ โดยเฉพาะผู้ที่ติดตามบล้อคการแต่งหน้าทางอินเตอร์เน็ต จากไอดอลหลายๆท่าน ที่นำเสนอ หรือเรียกภาษาสมัยใหม่ว่ารีวิว เครื่องสำอางที่ออกใหม่จากแบรนด์ดังๆให้สาวๆหลายท่านที่แอบส่องดูรีวิวเหล่านั้นจนน้ำลายหก และทนอุเบกขาไม่ไหวต้องวิ่งไปช๊อปปิ้งตามที่พิธีกรท่านนั้นแนะนำ บางคนแต่งสวย บางคนแต่งแล้วไม่พึงพอใจก็เปลี่ยนใหม่ ไปซื้อยี่ห้อใหม่ จนมาดูอีกครั้งเครื่องสำอางมีมากเกินกว่าที่จะใช้หมด บางอย่างหมดอายุ มีสี มีกลิ่นหืนๆ เปลี่ยนไปจากตอนที่ซื้อมาใหม่ๆก็มี เลยจำใจต้องโยนทิ้งไป เพราะถ้าหากจำใจใช้ไปอาจเกิดการแพ้ได้ ผิวหน้าเนียนกลายเป็นตะปุ่มตะป่ำก็จะเกิดเรื่องยาวต่อไปอีก และแล้ววงจรนี้ก็วนไปคะ หลังจากทิ้งเครื่องสำอางนั้นไปแล้วก็วิ่งไปซื้อมาใหม่อีก โดยไม่ได้หันมาดูเลยว่า เครื่องสำอางสีที่ตนไม่ชอบแต่ยังใช้ได้ยังอยู่กองพะเนิน จนสามารถตั้งร้านคอสเมติก ขนาดเล็กๆได้อีกร้านหนึ่งเลย ในเมื่อสาวๆอุตส่าห์ลงทุนซื้อเครื่องสำอางราคาหลายพันบาท บางคนแอบซื้อเป็นหมื่นเกือบแสนบาท ในเมื่อลงทุนขนาดนี้แล้วสาวๆก็ควรลงทุนในการเก็บเครื่องสำอางโดยไปหาตู้ใส่เครื่องสำอางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาใครมาเยี่ยมผ่านไปผ่านมาก็ โชว์ให้ดูบ้าง เผลอๆโชว์เพื่อนสนิทหยิบนั่นโน่นนี่ แบบมือโปรมาอวดมาโชว์เพื่อนฝูงถือโอกาสแนะนำเพื่อนๆ และยกเครื่องสำอางอันที่เราซื้อมาแล้วไม่ปิ๊งให้เพื่อนสนิทที่ไม่มีปัจจัยมากมายในการซื้อหาของแบบนี้เลยก็เป็นได้ (แปลงร่างจากมือโปรการแต่งหน้าไปเป็นนางฟ้าได้อีก)

     ชั้นเก็บเครื่องสำอาง สมัยนี้เป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน มีหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแบบลิ้นชัก หรือเป็นแบบหมุนได้ 360 องศา และเท่าที่ดุจากเฟสบุคไลฟ์ (การถ่ายทอดสดทางเฟสบุค) ส่วนใหญ่นิยมโชว์การแต่งหน้า มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ทีนี้ถ้าเราถ่ายทอดสด หากฉากด้านหลังเป็นฉากเสื้อห้อยระโยงรยางค์เกะกะตา ซ้ำคนโชว์แต่งหน้าหาเครื่องแต่งหน้าไม่เจอะสักที คนดูก็ลุ้นตัวโก่งกันสิคะว่าขั้นตอนต่อไปนางจะหยิบแบรนด์ไหนมา อย่างนี้ไม่ใช่ไอดอลแล้วคะ แต่เป็นไอดับซะมากกว่า คนดูก็จะน้อยลงน้อยลงทุกที เครื่องสำอางแบรนดังที่ฝากเรารีวิวโฆษณาก็จะหายไปหายไป จนหายลับไปเลยไม่ติดต่อมาอีกรายได้ที่เราจะได้จากที่นางเอาโฆษณามาแปะก็จะสูญเสียไปหลายบาทเลย
ชั้นเครื่องสำอาง
ชั้นเก็บเครื่องสำอาง แบบหมุนได้ 360 องศา

     ฉะนั้นการจัดระเบียบเครื่องสำอางที่มีอลังการงานสร้างของเราก่อนที่เราจะถ่ายทอดสดเพื่อนำเสนอสินค้าแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์ให้เรานั้น ต้องจัดระเบียบเครื่องสำอางเสียก่อน การจัดระเบียบเครื่องสำอางทีดีทีสุดคือการหาอะไรมาเป็นที่วาง แต่ถ้าเราต้องการวางเครื่องสำอางที่มีอย่างมหาศาลนั้นขอแนะนำว่าให้ใช้ชั้นเก็บเครื่องสำอางคะ

     ชั้นเก็บเครื่องสำอางหาซื้อได้ตามร้านขายเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปคะ ถ้าตัวเล็กลงมาหน่อย ร้านขายเครื่องสำอางใหญ่ๆมักจะนำมาขายพ่วงด้วย หากเป็นตัวใหญ่อาจต้องไปถามร้านที่ใหญ่ๆที่เป็นที่รู้จักทั่วประเทศแล้ว เค้าจะออกแบบตู้เครื่องสำอางเพื่อเอาใจคุณสาวๆโดยเฉพาะ โดยมีการออกแบบลวดลายสีสรรให้เหมาะกับสีเตียง สีตู้เก็บเสื้อผ้า เรียกกันว่า มากันเป็นคอลเล็กชันกันเลยทีเดียวเลยคะ และสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจโดยเฉพาะคือ เค้าออกแบบกันสำหรับเก็บเครื่องสำอางอย่างเดียวจริงๆ โดยสามารถใช้พื้นที่กันอย่างคุ้มค่า (คุ้มกับราคาด้วย) ดูสะอาดตา หยิบใช้ก็ง่าย จะมีทั้งช่องเล็ก ช่องน้อย ช่องแบน บ้างก็เอาใจถึงขนาดว่ามีสติ๊กเกอร์เอาไว้เขียนชื่อติดกันเลยว่ายี่ห้ออะไร สีเบอร์อะไร คุณสาวๆเวลารีวิวถ่ายทอดสดจะได้ไม่หยิบผิดหยิบถูกกันต่อไป บางรุ่นก็แถมแผ่นอะคริลิกมาด้วย เพื่อให้คุณสาวๆมาแบ่งกั้นช่องแยกตามที่พอใจกันไปเลย จะแยกสีกันตามแม่สี หรือตามเฉดสีก็เอาตามที่สบายใจของคุณสาวๆก็แล้วกันคะ แต่ที่แน่ๆพอจัดแล้วดูงามตาไม่ระเกะระกะ เหมือนกับก่อนเอามาจัดระเบียบในตู้เครื่องสำอางเสียอีก ทีนี้ใครอยากมาเที่ยวห้องเราก็เปิดห้องให้ชมกันได้อย่างสบายใจเลยคะ

วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เครื่องสำอางในกระเป๋าคุณปลอดภัยหรือเปล่า?


     พระราชบัญญัติ เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 หมายถึงวัตถุที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดกับภายนอกของส่วนของร่างกาย เพื่อความสะอาด ความสวยงาม หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะที่เป็นอยู่ไปในทางที่ดีขึ้น รวมทั้งเพื่อระงับกลิ่นกาย หรือปกป้องดูแลสภาพผิวบริเวณที่ใช้ให้อยู่ในสภาพที่ดี รวมทั้งสิ่งใดก็ตามที่เป็นเครื่องประทินสำหรับผิวต่างๆ พูดแปลเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ เครื่องสำอาง ก็คือ สิ่งทีใช้กับร่างกายมนุษย์เพื่อความสะอาด และความสวยงามเท่านั้น แต่หากมีการประชาสัมพันธ์สรรพคุณมากกว่านี้ โดยอ้างว่า สามารถรักษา บำบัด บรรเทาอาการ ป้องกันโรค รักษาโรค หรือมีผลต่อโครงสร้างต่างๆ ของร่างกาย ที่มีสรรพคุณทางยา เช่น ลดความอ้วน เป็นต้น ในความหมายทางการแพทย์ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทางยา ไม่ใช่เครื่องสำอาง ยกตัวอย่างเช่น สบู่ลดความอ้วน ครีมสร้างเสริมทรวงอก น้ำยาสำหรับปลูกผม โลชั่นกระชับจุดซ่อนเร้น น้ำยาฆ่าเชื้อจุดซ่อนเร้น ครีมทาฆ่าเชื้อโรคเพื่อลดอาการอักเสบของสิว ครีมลดอาการคัน ต่างๆ เหล่านี้ ทางการแพทย์ถือว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณยา ต้องขึ้นทะเบียนยาตามกฏหมาย


     ดังนั้น เครื่องสำอางที่วางขายตามท้องตลาดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น สบู่ แชมพู แป้ง โลชั่นบำรุงผิว โลชั่นกันแดดต่างๆ น้ำหอม ลิปสติก เครื่องสำอางสำหรับทาแก้มทาตา หรือทาเล็บ หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับผม เป็นต้นว่า สเปรย์ฉีดผม มูส เจล น้ำยาย้อมผม ต่างๆเหล่านี้ ล้วนจัดเป็นเครื่องสำอางควบคุมทั้งหมด โดยตามพระราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2558 ที่ผู้ที่ประกอบธุรกิจ จะต้องมาแจ้งต่อสำนักงานองค์การอาหารและยา (อย.) เพื่อทำการขออนุญาตในการ ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่าย จ่ายแจก หรือแลกเปลี่ยน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลัก เพื่อให้ผู้บริโภค หรือผู้ใช้ มีความมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยได้ว่า สามารถที่จะซื้อใช้เครื่องสำอางต่างๆ ตามท้องตลาดได้โดยไม่มีอาการผิดปกติทางกายใดๆทั้งสิ้น

     เมื่ออ่านพระราชกิจจานุเบกษา ดังข้อความข้างต้น เลยต้องมานั่งคัดแยกกระเป๋าของตัวเอง กังขาว่า เอ๊ะแล้ว เครื่องสำอางของเราในกระเป๋าจะมีความปลอดภัยหรือไม่ ว่าแล้วก็ต้องไปนั่งทวนใหม่ เพราะในข้อความจากพระราชกิจจานุเบกษา ทำความเข้าใจยากเหลือเกิ๊น เกินกว่าที่คนมีความรู้เท่าหางอึ่งอย่างเราจะอ่านรวดเดียวแล้วเข้าใจได้ทันที หลังจากนั่งคุ้ยเขี่ย แคะแกะเกา เอาใจความแบบบ้านๆ ตามประสาเด็กบ้านนอกบ้านๆที่นานๆจะมาอ่านข้อกฎหมายสักที ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ก็สรุปได้ว่า

     เวลาที่เราจะซื้อเครื่องสำอาง ให้คำนึงถึงแค่ว่า ให้ซื้อเพื่อความสะอาดและความสวยงามเท่านั้น ถ้านอกเหนือจากนี้ เช่น ผลิตภัณฑ์นี้ เพิ่มอกที่เพื่อนๆล้อว่าจอแบน แป้บๆเท่าไข่ดาวจะขึ้นฟูอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1 เดือน หรือสบู่กระชับผิวทำให้บั้นเอวที่ประดุจดั่งใส่ห่วงยางซ้อนกันสักสามอันรวดนั้นลดลงภายใน 2 อาทิตย์ ละก็ อย่ามโนว่าจะเป็นจริงอย่างที่เขาบอกมา อย่าไปซื้อให้เสียสตางค์เลยคะ เพราะคนผลิตก็แอบผลิตกันไป ฝ่าย อย.ที่ควบคุมดูแลอยู่อาจ ควบคุมไม่ทันก็เป็นได้ มาทราบอีกที อ้าว ไอ้ยี่ห้อนี้ทำหน้าชั้นเสีย กว่าจะยื่นเรื่องฟ้องร้องกับ อย. ก็ขายไปได้กำไร ไม่รู้กี่สิบล้านไปแล้ว สาวบ้านๆอย่างเราพอเสียหายจากเครื่องสำอางแล้วก็ไม่รู้จะไปแจ้งกับใครอีก อย่ากระนั้นเลย เรามาเทกระเป๋าตรวจสอบกันเถอะคะ ว่าไอ้เจ้าเครื่องสำอางที่เราซื้อมาปลอดภัยหรือไม่ เริ่มเลยนะคะ
  1. ซื้อเครื่องสำอางมาจากร้านไหน เชื่อถือได้ไหม ถ้ามาจากตลาดนัดข้างบ้านแบบว่า ทุกอย่าง20 ละก็ ต้องดูให้ดี เทสก่อนใช้จริงว่าแพ้ไหม หรือไม่ก็โยนทิ้งซะ
  2. ฉลากต้องเป็นภาษาไทย ตัวหนังสืออ่านชัดเจนรู้เรื่อง (ของนำเข้าคนที่นำเข้าก็ต้องแปลให้เราอ่านออกและติดทับชัดเจน) โดยอย่างน้อยจะต้องมีตัวหนังสือชื่อเครื่องสำอางที่มีขนาดใหญ่กว่าข้อความอื่น ต่อไปก็พิมพ์ตามลำดับนะคะ ได้แก่ ชื่อประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อของสารทุกชนิดที่เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางนั้น วิธีใช้ สุดท้ายคือชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้ที่นำเข้า และกรณีที่เป็นสินค้านำเข้าต้องมีชื่อผู้ผลิตและประเทศกำกับมาด้วยคะ ต่อไปที่จะต้องมี คือ ปริมาตรสุทธิ วันเดือนปีที่ผลิต เลขที่ที่แสดงครั้งที่ผลิต เดือน-ปี หรือบางยี่ห้อเป็นปี-เดือน ที่ผลิต ที่สำคัญอีกเรื่องคือ เดือน-ปี ที่หมดอายุคะ กรณีที่เครื่องสำอางนั้นมีอายุไม่เกิน 30 เดือน หรือมีส่วนผสมของไฮโดรเย่นเปอร์ออกไซค์ (Hydrogen peroxide)
  3. หีบห่อต้องอยู่ในสภาพดีไม่มีการรั่วหรือฉีกขาด

เพราะการใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น ทำให้หน้าเราพังแบบธาวรได้ กลายเป็นต้องเสียเงินเพิ่ม เพื่อรักษาหน้าให้กลับมาเหมือนเดิมอีก อย่าเห็นแก่ของถูกมากไปกันนะคะ อ่านถึงตอนนี้แล้ว ทิ้งเครื่องสำอางในกระเป๋าไปกี่ชิ้นแล้วคะ

วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560

โต๊ะแต่งหน้าแบบจัดเต็มต้องมีตัวช่วย

     ของที่รกๆ นั้นไม่น่าดู จะหาของที่ต้องการก็ยาก ทำเอาวิถีชีวิตยุ่งเหยิงไปหมด เพราะของที่เยอะแยะอัดแน่นรกๆกระจัดกระจายเหล่านั้น จะทำให้เราต้องเสียเวลาค้นหาจนเป็นผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆมากมาย โดยเฉพาะของส่วนตัวของคุณผู้หญิง ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เครื่องสำอาง บางครั้งคุณผู้หญิง มีเครื่องสำอางเยอะมาก เยอะซะจนมีปัญหาว่าเครื่องสำอางสำคัญๆที่ต้องการใช้นั้นกระจายไปหมดไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง ไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร จะคว้ามาแต่งตามขั้นตอนให้เหมือนอย่างที่ดูในยูทูป ก็ต้องมาเสียเวลาค้นๆ อะไรอยู่ไหน สีที่ต้องการหายไปไหน ยิ่งรีบๆเร่งๆ แล้ว พอดีพอเหมาะไปไม่ทันนัด ไม่ทันเข้างานก็อาจทำให้คุณผู้หญิงแทบคลั่งกันได้


พูดถึง เครื่องสำอางนั้นนักวิชาการเค้าแบ่งเครื่องสำอางได้ออกเป็นหลายประเภท ได้แก่

  1. เครื่องสำอางประเภทสำหรับผิวหนัง เช่นครีมทาผิว แค่ครีมอย่างเดียวยังแยกเป็น ครีมรองพื้น ครีมบำรุงผิว ครีมบำรุงหน้ากลางคืน ครีมบำรุงหน้ากลางวัน ครีมกันแดด ครีมปรับสภาพผิวหน้า ครีมมาสก์หน้า ครีมขัดหน้า โอแม่เจ้า ทากันเข้าไป
  2. เครื่องสำอางสำหรับผมและขน เช่นครีมขจัดขน ทรีทเม้นท์สำหรับผม แวกส์ผม เซรั่มปรับสภาพผม
  3. เครื่องสำอางสำหรับแต่งตา และคิ้ว เช่นดินสอเขียนคิ้ว เคยได้ยินว่า คิ้วคือมงกุฎของใบหน้า คุณผู้หญิงบางคนขอเขียนคิ้วก่อนอย่างอื่นเอาไว้ทีหลัง นอกจากคิ้วยังมี อายแชโด้ว สำหรับแต่งตา ซึ่งจะต้องมีหลายสี ตั้งแต่ สีขาว สีเข้ม สีกลาง สีสำหรับไฮไลท์ โทนสีนู้ด โทนสีน้ำตาล โทนสีก็ต้องแต่งตามชุดที่ใส่ นอกจากนี้ยังมี อายไลน์เนอร์ เป็นอีกชนิดหนึ่งที่สาวๆสมัยใหม่ไม่มีไม่ได้ ดินสอเขียนขอบตา มีทั้งแบบดินสอจริงๆ แบบเจล ต่อไปก็ มาสคาร่า เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หากสาวๆท่านใดเขียนคิ้วแต่งหน้าเต็มยศแต่ไม่ได้ทามาสคาร่าก็เหมือนกับว่าไอ้ที่พยายามแต่งมาแล้วไม่มีประโยชน์อันใดเลย ขนตาปลอมกับกาวตืดขนตาปลอมนะเนี่ย
  4. เครื่องสำอางสำหรับแต่งแก้ม เรียกง่ายๆว่า บรัชออน ก็มีหลายสีตามชอบ ส้ม ชมพู แดง เค้าว่าใครทาแล้วทำให้สาวๆดูเหมือนกับว่าเป็นคนมีเลือดฝาด คือเป็นสาวที่มีสุขภาพดีนั่นเอง
  5. เครื่องสำอางสำหรับแต่งปาก คือลิปสติกนั่นเอง เมื่อก่อนมีแบบเดียว เป็นแบบแท่งเวลาจะใช้ก็หมุนๆเอา ทาบนปากก็เสร็จ แต่สมัยนี้พัฒนาโดยมี ดินสอเขียนขอบปาก เพื่อให้วาดรูปปากได้ชัดเจนขึ้น หรือจะเพิ่มไอเท่มเป็นลิปกล้อส แต่งไสตล์น้องอั้ม ทาลิปสีด้านในปาก ทาลิปกล้อสด้านนอก (ฮิตกันเมื่อสีห้าปีที่แล้ว) เจ้าลิปกล้อสเนี่ย เค้าว่าทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มชุ่มชื่น ดูเย้ายวน (ลอกมาจากโฆษณาครับ)
     เอาเป็นอันว่า เยอะก็แล้วกันครับ สำหรับเครื่องสำอางสำหรับสาวๆสมัยนี้ ไม่ว่าสาวน้อยสาวใหญ่หรือสาวทอม เชื่อว่าก็ต้องมี บ้างละ แต่ยิ่งชนิดของเครื่องสำอางมีมากดังที่กล่าวเอาไว้แล้วการที่จะจัดของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นเป็นอะไรที่ยากอย่างยิ่งมากๆ สำหรับคุณผู้หญิงยุคทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน๊อตในสมัยที่เวลาเป็นเงินเป็นทอง ดังนั้น จึงมีคนหัวใสคิดประดิษฐ์กล่องเครื่องสำอาง ขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของสาวๆ เพื่อให้โต๊ะเครื่องแป้งของคุณผู้หญิงเป็นระเบียบเรียบร้อย เรียกได้ว่า เก็บก็ง่าย หายก็รู้ ดูก็งามตา สมกับที่เป็นกุลสตรี

     กล่องใส่เครื่องสำอางจึงเกิดมาด้วยเหตุผลนี้แล บางคนทำกล่องใส่เครื่องสำอางเอง เพื่อจัดเก็บเครื่องสำอางของตัวเองให้เป็นระเบียบ หากล่องที่ชอบขนาดตามจำนวนเรื่องสำอาง แบบที่ว่า กะๆด้วยสายตาก็ใส่หมด และกระดาษแข็งๆ สีน่ารักๆมาตัดเพื่อแบ่งภายในกล่องให้เป็นช่องๆ เพื่อแบ่งชนิดการใช้งานของเครื่องสำอางดังที่กล่าวไว้ข้างต้น (ที่ทำเองเพราะว่า เงินที่ซื้อเครื่องสำอางเหลือน้อยเต็มที ว่ากันตามประสบการณ์จริงๆของคนใกล้ตัวนะครับ) หรือถ้าขี้เกียจที่จะทำก็หาซื้อกล่องใส่เครื่องสำอางโดยตรงก็ได้ครับ มีหลากหลายแบบ แบบเป็นชั้นๆ แบบหมุนได้ ราคาก็แตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้ครับ แต่ถ้าไม่มีปัจจัยพอ ก็ทำเองตามยถากรรม ตามเงินในกระเป๋า ก็แล้วแต่สะดวกครับ

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ประวัติความเป็นมาของเครื่องสำอางจากอดีต

     มีคนให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า เครื่องสำอางค์ หมายถึง สิ่งปรุงแต่งอย่างหนึ่งที่นำมาใช้สำหรับผิวหนัง หรือส่วนหนึ่งส่วนใดก็ตามของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม อันได้แก่ ทา ถู พ่น นวด และโรย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการรักษาความสะอาดของร่างกาย หรือเพื่อแต่งเติมให้ร่างกายสวยงาม หรือเปลี่ยนแปลงลักษณะ ให้ดูสะดุดตาและดึงดูดความสนใจจากผู้พบเห็น คำว่าเครื่องสำอาง หรือคอสเมติก (cosmetics) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คือ คอสเมติคอส (kosmetikos) ซึ่งมีความหมายว่า ตกแต่งให้สวยงามเพื่อดึงดูดใจแก่ผู้พบเห็น (คำว่าคอสมอส kosmos นั้นก็แปลว่า เรื่องประดับด้วยเช่นกัน)


     ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงนั้นมักจะให้ความสำคัญต่อรูปลักษณ์เป็นอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดก็ตาม มีคนเคยทำงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ในบทความว่า การใช้เครื่องสำอางถือว่าเป็นการใช้ศิลปะอย่างหนึ่ง โดยในงานวิจัยนี้ได้อ้างถึงการค้นพบเครื่องสำอางมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ  โดยการยกตัวอย่างถึงประเทศจีนโบราณ อียิปต์โบราณ อินเดียโบราณ ไปจนถึงประเทศกรีกโบราณ ในงานวิจัยนั้นมีหลักฐานยืนยันว่าในยุคที่อารยะธรรมของกรีกเฟื่องฟูนั้น เครื่องสำอางและเครื่องหอมก็เฟื่องฟูไปด้วยเช่นกัน เพราะมีการแบ่งแยกกันระหว่างยาที่ใช้ทางการแพทย์และเครื่องสำอางและเครื่องหอมที่ใช้ประทินผิวออกจากกันโดยสิ้นเชิง เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมทางศาสนา ใช้ไปใช้มา ชาวกรีกโบราณก็เลยใช้กันทุกวันต่อเนื่องสม่ำเสมอจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเลย และมีการบอกต่อๆกันว่ามีผลดีด้านการประทินผิว ทำให้เครื่องสำอางในยุคกรีกโรมันรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด จนกระทั่งค่อยๆเสื่อมลงไปพร้อมกับการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน



      แต่บางงานวิจัยนั้นแย้งว่า ประเทศอียิปต์โบราณเป็นประเทศแรกที่นำเครื่องสำอางมาใช้ก่อน โดยอ้างจากที่นักโบราณคดี ได้มีการศึกษาและสันนิษฐานเอาไว้ว่า ประเทศทางตะวันออกโดยเฉพาะประเทศอียิปต์โบราณ ได้มีการใช้เครื่องหอมในพิธีการทางศาสนา  ต่อมาได้พัฒนาโดยการนำเอาน้ำมันพืชมาทาตามตัว หรือเอามาอาบเคลือบผิวศพเพื่อป้องกันไม่ให้ศพเน่าเปื่อย  และมีหลักฐานทางโบราณคดีว่า มีการใช้เครื่องหอมเพื่อเป็นเครื่องสำอาง นานมาเกือบ 5000ปี  จนถึงยุคที่มีพระนางคลีโอพัตราเป็นราชินี รู้จักวิธีการใช้ศิลปะการตกแต่งใบหน้าและร่างกาย ทำให้การใช้เครื่องสำอางเป็นที่แพร่หลายยิ่งขึ้น ในคริสต์ศตวรรษที่ 2 ต่อมาเมื่อการพัฒนาคมนาคมให้สะดวกขึ้น ทำให้เกิดมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันภายในประเทศในแถบตะวันออก การใช้เครื่องสำอางจึงได้แพร่หลายไปทั่วในแถบนี้ แพร่ไปจนถึงไซบีเรีย  เปอร์เซีย บาบิโลน  จนไปถึงประเทศกรีก โดยมีศูนย์กลางของความเจริญด้านวิทยาการเครื่องสำอางที่ประเทสกรีก จนมีการพัฒนาความรู้เรื่องเครื่องสำอางเฟื่องฟูดังที่กล่าวไปแล้วในบทความข้างต้น ครั้นต่อมาพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ยกทัพเข้ายึดประเทศอียิปต์จนได้รับชัยชนะ  จึงทำให้ความรู้เรื่องเครื่องสำอางมีการพัฒนาแพร่หลายจนมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย  และสมัยที่จูเรียสซีซ่าร์ รบชนะประเทศกรีก  ก็ได้รับวิทยาการเครื่องสำอางจนากประเทศกรีกมาเป็นศูนย์รวมอยู่ที่กรุงโรม  ต่อมาเมื่ออาณาจักรโรมันค่อยๆเสื่อมลง วิทยาการของเครื่องสำอางจึงมาพัฒนาต่อเนื่องในทวีปยุโรป การพัฒนาเครื่องสำอางได้รับการพัฒนาจนมาถึงปลายคริสศตวรรษที่ 19 ที่ถือว่ามีการพัฒนาถึงจุดสุดยอดของการพัฒนาเครื่องสำอาง โดยมีการแบ่งเครื่องสำอางออกเป็นหมวดหมู่  มีวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐานมีสูตรตายตัว มีการใช้แอลกอฮออล์มาเป็นตัวทำละลายในเครื่องสำอาง มีเครื่องหมายการค้าชัดเจน เครื่องสำอางที่เกิดขึ้นในยุคนี้จะมีคุณภาพมากกว่าสมัยก่อนที่ใช้วิธีการลองผิดลองถูก กันมาเป็นเวลาหลายพันปี ในยุคนี้มีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ ของแต่ละบริษัทที่จัดทำขึ้นเป็นรายได้เข้าประเทศมากมาย ในช่วงนั้น มีการแข่งขันกันสูงระหวส่างประเทศฝรั่งเศส และประเทศสเปน ต่อมาแต่ละประเทศได้นำได้นำความรู้ทางด้านวิชาเคมี มาผสมผสานกับกรรมวิธีในการผลิตเครื่องสำอางจึงเป็นจุดกำเนิดที่สำคัญของเครื่องสำอางแบรนด์ดังในแต่ละประเทศในเวลาต่อมา

ที่มา : http://www.sakurabag.net/article

วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

เทคนิคการเลือกซื้อกระเป๋าเครื่องสำอางให้ได้ของคุณภาพดีและราคาถูก


    กระเป๋าเครื่องสำอางในปัจจุบันมีให้เลือกหากันหลายแบบ หลายขนาด หลายสไตล์ เลือกกันอย่างจุใจ โดยเมื่อเลือกแบบที่พึ่งพอใจได้แล้ว ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย ดังนี้
  1. ให้ดูที่ปริมาณความจุของกระเป๋าก่อน โดยเราต้องรู้ว่าเรามีเครื่องสำอางเยอะแค่ไหนและมีเครื่องสำอางค์ประเภทไหนบ้าง จึงจะรู้ว่ากระเป๋าแบบไหนถึงจะใส่พอและรู้ว่าควรจะเลือกซื้อกระเป๋าเครื่องสำอางลักษณะไหน
  2. เลือกสี และลายที่สวยถูกใจโดยคำนึงถึงตอนใช้งานด้วย ถ้าหากไม่อยากที่จะต้องทำความสะอาดกระเป๋าบ่อยๆให้เลือกกระเป๋าที่มีสีเข้มๆทึบๆเข้าไว้ เช่นสีดำ สีน้ำเงินเข้ม สีน้ำตาลเข้ม เป็นต้น หรือถ้าหาก บางคนที่ถือเรื่องดวงก็อาจจะเลือกสีที่ถูกโฉลกหรือเป็นมงคลกับตัวเองก็ได้ และนี่คือตัวอย่างของทั้งสีที่เป็นมงคลและสีที่เป็นอัปมงคลตามวันเกิดของคนแต่ละวัน ดังนี้
    • คนเกิดวันอาทิตย์ สีที่เป็นมงคลได้แก่ สีเขียวสด สีเขียวแก่ สีขาว สีชมพู และสีอัปมงคล ได้แก่ สีฟ้า สีน้ำเงิน
    • คนเกิดวันจันทร์ สีที่เป็นมงคลได้แก่ สีเขียวสด สีม่วงอ่อน สีม่วง และสีอัปมงคล ได้แก่ สีแดง
    • คนเกิดวันอังคาร สีที่เป็นมงคลได้แก่ สีม่วง สีแดง สีแสด และสีอัปมงคล ได้แก่ สีเหลือง สีขาว
    • คนเกิดวันพุธ สีที่เป็นมงคลได้แก่ สีเขียว สีเหลืองอ่อน สีเหลืองแก่ และสีอัปมงคล ได้แก่ สีชมพู
    • คนเกิดวันพฤหัสบดี สีที่เป็นมงคลได้แก่ สีน้ำเงิน สีฟ้า สีเขียวสด สีแดง และสีอัปมงคล ได้แก่ สีม่วงอ่อน สีม่วงแก่
    • คนเกิดวันศุกร์ สีที่เป็นมงคลได้แก่ สีเหลือง สีชมพูอ่อน สีแสด และสีอัปมงคล ได้แก่ สีเขียวแก่
    • คนเกิดวันเสาร์ สีที่เป็นมงคลได้แก่ สีเขียวเข้ม สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน สีฟ้า สีชมพู สีน้ำตาล และสีอัปมงคล ได้แก่ สีเขียวอ่อน สีเขียวสด
  3. ให้ความสำคัญเรื่องของคุณภาพมากกว่าราคาเพราะถ้าหากซื้อมาในราคาที่ถูกแต่คุณภาพไม่ดีใช้ไม่นานก็พังต้องทิ้ง แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์ดังนั้นจึงควรเลือกกระเป๋าเครื่องสำอางที่ทั้งคุณภาพและราคาสอดคล้องกัน คือต้องคุณภาพดีแต่ราคาก็ต้องไม่แพงและไม่ถูกเกินไปด้วย
  4. ดูวัสดุที่ใช้ผลิตกระเป๋าว่าทำมาจากผ้าชนิดไหน มีความทนทานแค่ไหนและตรงตามความต้องการใช้งานหรือไม่ กระเป๋าใส่เครื่องสำอางจำเป็นที่จะต้องกันกระแทกได้บ้างตามสมควรเพราะเครื่องสำอางค์เป็นสิ่งที่ไม่ทนต่อแรงกระแทกเท่าไหร่นักจึงควรเลือกกระเป๋าแบบที่ปกป้องเครื่องสำอางไม่ให้เกิดความเสียหายได้
  5. กระเป๋าเครื่องสำอางที่ดีนั้นนอกจากจะกันกระแทกได้แล้วยังต้องกันน้ำได้ด้วยเพราะเครื่องสำอางแทบจะทุกประเภทนั้นเป็นของแห้งไม่ว่าจะเป็นแบบฝุ่น ผง หรือแบบแป้ง ดังนั้นมันจึงไม่สามารถโดนน้ำได้และถ้าหากกระเป๋าใส่เครื่องสำอางไม่กันน้ำก็อาจจะทำให้เครื่องสำอางเกิดการชำรุดเสียหายได้ ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะไลฟสไตล์ของแต่ละคนด้วย
  6. เลือกซื้อกระเป๋าเครื่องสำอางในอินเตอร์เน็ตบ้างก็ดี เพราะในอินเตอร์เน็ตมีร้านค้ามากมายให้เราได้เลือกซื้อและบางทีก็ถูกกว่าเราไปซื้อตามร้านหรือตามเคาท์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าที่มีแบบให้เลือกน้อยกว่า อีกทั้งเรายังสามารถสำรวจและเทียบราคา เลือกสี เลือกแบบกระเป๋าอย่างที่เราต้องการได้โดยมีตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อมากมาย แต่ที่สำคัญคือต้องเลือกร้านที่ดูน่าเชื่อถือ มีรีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆยืนยันว่าสินค้าของร้านนี้คุณภาพดีจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อด้วย
  7. ซื้อกระเป๋าเครื่องสำอางแบบที่มียี่ห้อก็ดี ซึ่งอาจจะต้องแลกกับราคาที่สูงกว่ากระเป๋าทั่วๆไปที่ไม่มียี่ห้อขายอยู่ตามท้องตลาด แต่การซื้อกระเป๋าเครื่องสำอางที่มียี่ห้อนั้นเราสามารถมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่ากระเป๋าที่ซื้อมาจะมีคุณภาพที่ดีและใช้งานไปได้อีกนาน 
เครดิต : http://www.sakurabag.net/article

วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

ของจำเป็นที่ควรมีในกระเป๋า หากต้องออกเดินทาง


    หลายๆคนคงอาจจะเคยสงสัยกันว่าทำไมกระเป๋าของผู้หญิงถึงหนักกว่าของผู้ชาย มีอะไรอยู่ในกระเป๋าบ้าง แล้วผู้หญิงเค้าแบกอะไรไว้ในกระเป๋ากันเยอะแยะ ซึ่งส่วนใหญ่สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าของผู้หญิงก็มักจะเป็นของจุกจิกไร้สาระทั้งหลายที่ผู้หญิงคิดว่าสำคัญ อย่างเช่น ขวดน้ำ ขนม เครื่องประดับ ยางรัดผม กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าใส่บัตร กระเป๋าใส่เหรียญ โลชั่น ครีมทามือ เครื่องประทินผิวทั้งหลาย และของจิปาถะอีกมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือกระเป๋าเครื่องสำอางค์ ซึ่งผู้หญิงบางคนพกกระเป๋าเครื่องสำอางมาใบใหญ่มากและเต็มไปด้วยเครื่องสำอางเยอะเกินจำเป็น นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระเป๋าหนักขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ากระเป๋าเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้หญิงและขาดไม่ได้ดังนั้นจึงควรรู้ว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นที่ควรพกใส่กระเป๋าเครื่องสำอางไปบ้าง ให้เหมาะกับการพกพาไปข้างนอกได้สะดวกมากขึ้น ไม่กินที่และไม่เพิ่มน้ำหนักให้กระเป๋า โดยเครื่องสำอางที่ควรพกไปควรจะเป็นเครื่องสำอางค์ที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เพราะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้หญิง ใครละอยากจะออกเดินทางด้วยหน้าสด ช่างกล้า! และเครื่องสำอางค์ในกระเป๋าที่สามารถนำไปเติมระหว่างวันได้ ก็คือ

  • ลิปสติกหรือลิปมัน เพราะผู้หญิงควรจะมีริมฝีปากที่นุ่มชุ่มชื่น สีสันสวยงามอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรปล่อยให้ริมฝีปากซีดและแห้งแตก การดื่มน้ำหรือกินอาหารจะทำให้ลิปสติกหลุดได้ดังนั้นจึงควรพกลิปมันและลิปสติกไปเติมระหว่างวันด้วยเพื่อเป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพและทำให้ผู้หญิงดูดีขึ้นได้
  • กระดาษซับมัน เป็นสิ่งที่จำเป็นมากเพราะการปล่อยให้หน้ามันเยิ้มเป็นกระทะทอดไข่ไปทั้งวันก็คงจะดูไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นจึงต้องพกกระดาษซับมันไปด้วยทุกครั้งเพื่อซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าออก
  • แป้งฝุ่นหรือแป้งพัฟ ในระหว่างวันอาจจะเกิดอาการแป้งบนหน้าหลุด หน้ามัน หรือสีแป้งบนหน้าดรอปลงบ้าง การพกแป้งพัฟหรือแป้งฝุ่นไปเติมระหว่างวันด้วยก็จะทำให้เราดูดีไปทั้งวัน โดยก่อนที่จะเติมแป้งนั้นต้องใช้กระดาษซับมันซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าออกก่อนจึงค่อยเติมแป้งเพิ่มมิเช่นนั้นหน้าอาจจะเป็นคราบแป้งได้
  • บลัชออนหรือที่ปัดแก้ม เป็นสิ่งที่มักจะติดไม่ทนและหลุดระหว่างวันเสมอและคงไม่มีใครอยากอยู่แบบหน้าซีดๆทั้งวันแน่ดังนั้นจึงควรพกไปเพื่อเติมระหว่างวันด้วย
  • น้ำหอมขวดเล็กแบบพกพา บางคนอาจจะมองว่าไม่สำคัญแต่การที่ผู้หญิงมีกลิ่นตัวหอมก็จะยิ่งทำให้ดูดีมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น แต่กลิ่นของน้ำหอมเองก็สำคัญโดยต้องมีกลิ่นไม่แรงเกินไปจนคนอื่นเวียนหัว เพราะฉะนั้นจึงควรฉีดน้ำหอมแต่พอประมาณและเลือกแบบที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆก็เพียงพอแล้ว และในกรณีของคนที่ฉีดน้ำหอมมาจากที่บ้านอยู่แล้วและน้ำหอมมีกลิ่นติดทนนานก็อาจจะไม่ต้องพกน้ำหอมมาฉีดเพิ่มระหว่างวันอีก
  • กระจกแบบพกพา บางทีเราก็เข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำไม่ได้ตลอดเวลาหรือบางทีห้องน้ำอาจจะอยู่ไกลทำให้ขี้เกียจเดินดังนั้นกระจกพกพาก็จะช่วยให้เราสามารถส่องเพื่อเช็คความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมได้ตลอดเวลา หรืออย่างเช่นถ้ามีอะไรติดฟันเราก็สามารถใช้กระจกพกพาแอบส่องในที่ลับตาคนเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยได้โดยไม่มีใครเห็น
  • หวีอันเล็ก พกติดกระเป๋าไว้เผื่อเราต้องเจอลมแรงหรือเหตุการณ์การณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจทำให้ผมกระเซอะกระเซิงได้ แต่ถ้าปล่อยให้หัวยุ่งไปแบบนั้นทั้งวันก็คงจะดูไม่ดี และเสียบุคลิกภาพได้ ดังนั้นพกหวีอันเล็กไว้ก็จะช่วยให้เรามีหวีไว้จัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อยอยู่เสมอ